ปัจจุบันตลาดธุรกิจเครื่องสำอาง อาหารเสริม และสกินแคร์ต่าง ๆ ถือว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แม้หลาย ๆ คนจะมองว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง แต่ด้วยความต้องการดูแลสุขภาพ ดูแลรูปร่าง ความสวยความงามของผู้บริโภคนั้นไร้ขีดจำกัดไม่ว่าเวลาผ่านไปกี่ยุคสมัย จึงทำให้การเข้ามาทุ่มเททำธุรกิจในตลาดนี้ยังคงได้รับความนิยมไม่มีเสื่อมคลาย นั่นเองที่ทำให้ “โรงงานผลิตครีม OEM” หรือที่มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า “โรงงาน OEM” นั้น ได้รับการเสาะแสวงหาเสมอ เพื่อช่วยทุ่นแรง ทุ่นงบประมาณในการลงทุนลงสำหรับความต้องการอยากเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง แต่อย่างไรก็ตามก่อนจะมองหาโรงงานผลิตครีม OEM นั้น เราจำเป็นจะต้องรู้เรื่องและเข้าใจเรื่องต่อไปนี้ เพื่อให้การตัดสินใจเลือกโรงงาน OEM ของเรานั้นตรงตามเป้าหมาย และมีประสิทธิภาพในการทำงานมากที่สุด
1 รู้จักคำว่า OEM เป็นอย่างดี
แม้ทุกคนจะคุ้นหูและบอกรู้จักกับคำว่า “OEM” แต่จะมีสักกี่คนที่รู้แบบเจาะลึกลงไปจริง ๆ ว่า OEM นั้นคืออะไรกันแน่ โดย OEM ย่อมาจากคำว่า Original Equipment Manufacturer หมายถึง โรงงานที่มีเครื่องจักรเป็นของตัวเองสำหรับใช้ให้บริการรับผลิตสินค้าตามที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงยังมีความเชี่ยวชาญ มีสูตรสำเร็จในการผลิตสินค้าให้กับลูกค้าได้ด้วย กล่าวคือ ในกรณีลูกค้ามีสูตรของตัวเอง มีแบรนด์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่อยากผลิต ไม่อยากลงทุนเครื่องจักรเอง ก็ส่งต่อให้กับโรงงาน OEM เป็นผู้ผลิตให้ได้ หรือในกรณีที่ลูกค้าไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ แต่อยากผลิตครีม เครื่องสำอางออกจำหน่าย ทางโรงงานผลิตครีม OEM ก็สามารถทำให้ได้เช่นกัน โดยมีสูตรมาตรฐานให้ลูกค้าเลือกแล้วสั่งผลิตตามสูตรนั้นออกจำหน่าย แต่ลูกค้าก็จะยังต้องสร้างแบรนด์เองอยู่ดี
2 รู้จักคำว่า ODM ว่าต่างจาก OEM อย่างไร
นอกจากโรงงานผลิตครีม OEM แล้ว ยังมีโรงงานอีกประเภทหนึ่งที่คนอยากสร้างแบรนด์เครื่องสำอางออกขายต้องรู้จัก นั่นก็คือ โรงงาน ODM ซึ่งย่อมาจากคำว่า Original Design Manufacturer โดยถือเป็นโรงงานที่มีความคล้ายคลึงกันกับโรงงาน OEM อยู่ตรงที่มีเครื่องจักรให้บริการรับผลิต มีสูตรให้ใช้ได้เลย แต่เหนือกว่าตรงที่จะมีทีมวิจัยผู้เชี่ยวชาญอยู่ภายในโรงงานด้วย จึงทำให้สามารถ “สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่” ที่ไม่มีในท้องตลาด หรือทำสินค้าที่ดีกว่าในตลาดเดิมที่มีอยู่ได้ ไม่เพียงเท่านั้น โรงงาน ODM ยังมีบริการรับให้คำปรึกษา แนะนำ ตลอดจนทำการตลาดแบบครบวงจร คิด วางแผน และทำให้ตั้งแต่การตั้งชื่อแบรนด์ การออกแบบโลโก้ แนวคิด บรรจุภัณฑ์ ขอขึ้นทะเบียน อย. ฯลฯ เรียกได้ว่าตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลยจนถึงมีสินค้าออกว่าจำหน่ายส่งถึงมือลูกค้า โรงงาน ODM สามารถทำให้ได้ครบหมดแบบ One Stop Service
3 รู้ความต้องการของตัวเอง
เมื่อรู้จักโรงงาน OEM และ ODM เป็นอย่างดีแล้วว่าแตกต่างกันอย่างไร ลำดับต่อมาก็คือเราต้องรู้ความต้องการของตัวเองว่า ควรเลือกใช้บริการโรงงานแบบไหนดีกว่ากัน เช่นถ้าเราต้องการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้แตกต่างไปจากที่มีอยู่ในตลาด รวมถึงต้องการผู้ช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นจนจบ โรงงาน ODM ก็จะตอบโจทย์มากกว่า แต่หากเรามีสูตรเป็นของตัวเองอยู่แล้ว หรือไม่ได้ต้องการสูตรที่พิศดารแปลกแตกต่าง เพียงแค่อยากจะมีสินค้าเอาไว้ขายทำเป็นธุรกิจ แต่ไม่ได้อยากลงทุนผลิตเอง กรณีแบบนี้โรงงาน OEM ก็จะตอบโจทย์กว่า ซึ่งปัจจุบันหลาย ๆ โรงงาน OEM ก็เป็นโรงงาน ODM ไปด้วยพร้อมกันในที่เดียว เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้ครอบคลุมทุกมิติมากที่สุด
การมีแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง ทำธุรกิจขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและอาหารเสริมขายนั้น ถือเป็นเทรนด์ธุรกิจที่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูง ซึ่งนอกเหนือจากการสร้างแบรนด์ของสินค้าที่แข็งแกร่งแล้ว หัวใจสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ก็คือการมีโรงงานผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และสามารถผลิตสินค้าออกมาได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพต่อการใช้งานจริง ใช้งานแล้วเห็นผล ดังนั้น หากเราไม่ได้ตัดสินใจเป็นผู้ลงทุนในเครื่องจักร ในทีมวิจัยค้นคว้าแล้ว แต่เลือกที่จะให้โรงงานผลิตครีม OEM หรือ ODM เป็นผู้ดำเนินการให้ เราก็จะต้องพิถีพิถันใส่ใจกับการเลือกโรงงานให้มากเป็นพิเศษ โดยจำเป็นต้องเลือกโรงงานที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญจริง และเป็นโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตที่ปลอดภัยน่าเชื่อถือ ไม่เช่นนั้นแล้ว หากเลือกโรงงานผิด ใช้โรงงานที่ไม่มีคุณภาพในการผลิตสินค้า ไม่เพียงแต่จะไม่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจเท่านั้น อาจกลายเป็นนำปัญหามาสู่ตัวได้เนื่องจากว่าสินค้าจะไม่มีคุณภาพและอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้
